Hook Up Culture เซ็กส์เลือกได้
- 11 ปีที่แล้ว
Hook Up Culture เซ็กส์เลือกได้
รายการคิดเล่นเห็นต่างกับคำผกาประจำวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556
หมดสมัย ของคำว่า "เสียสละเพื่อความรัก" เมื่อ "เสียตัว"แล้วจะต้องรักกัน อยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อชาย-หญิง มีสิทธิเท่าเทียมกัน ทำไมผู้หญิงจะเลือก One night stand ไม่ได้ หรือมี Sex friend ไม่ได้
จากบทความ Sex on Campus: She Can Play That Game, Too ใน The New York time คือผู้หญิงสามารถเล่นเกมนี้ได้ นั่นคือวัฒนธรรมการ Hook up คือนักศึกษา ชาย หญิง ไปดื่มกิน และจบกันที่เตียงนอน ซึ่งมีลักษณะกึ่งๆ One night stand หรือไม่ต้องมาดราม่า ไม่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีการวิจารณ์กันว่า เนื่องจากผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงต้องยอมเสียเปรียบ...แต่จากการสัมภาษณ์นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย พบว่านักศึกษาหญิงยอมที่จะ Hook up มากกว่าที่จะมีแฟนเป็นตัวตน ซึ่งการ Hook up กลายเป็นเกมของผู้หญิงมากกว่าของผู้ชาย
ในบทสัมภาษณ์ของนักศึกษาหญิงยังพบว่า การ Hook up ของนักศึกษาเหล่านี้จะคิดต้นทุนทางเศรษฐกิจด้วยว่า กว่าจะเล่าเรียนจบมาได้ต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเข้ากิจกรรม เข้าคลับ หรือเรียนเกรดดีๆเพื่อจะเข้าทำงานที่ดีๆแล้ว ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้ไม่มีเวลาที่จะมีความสัมพันธ์กันแฟน บางคนถึงบอกว่า การจะหาแฟนสักคนเป็นเรื่องลำบากพอๆกับการลงทะเบียนเรียนให้ได้ 4 หน่วยกิต และอยากโฟกัสเรื่องการทำงานมากกว่า เช่น พอจบมาแล้วอาจไปทำงานที่ฮ่องกง แล้วกลับมาทำงานที่นิวยอร์ค ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะไปลงหลักปักฐานที่ไหน แต่แฟนที่คบกันในมหาวิทยาลัย สุดท้ายแล้วอาจไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วจะมาเสียเวลา เสียการลงทุนไปทำไม และหมดสมัยแล้วที่ต้องสละตัวเองเพื่ออีกฝ่าย และไม่ต้องมากัด"ก้อนเกลือ"กินหรือเป็น"ลมใต้ปีก"ของอีกฝ่าย ความคิดของนักศึกษาหญิงเหล่านี้คือให้แต่ละคนแยกย้ายไปหาความสำเร็จของตนเอง เมื่อชอบใครก็ไป Hook up พอตอนเช้าก็แยกย้ายกันไปเรียน บางคนถึงกับคิดต้นทุนทางเศรษฐกิจว่า ต้องไปห้องผู้ชาย เพราะไม่อยากตื่นเช้ามาซักผ้าปูที่นอนของตนเอง
ความคิดแบบนี้สามารถนำมาใช้สังคมไทยได้หรือไม่ คุณอรรถบอกว่าตอนนี้ในสังคมไทยมีความคิดแบบนี้กันแล้ว แต่คำผกามองว่าที่ผ่านมาผู้หญิงไทยมองความรักเป็นเรื่องโรแมนติกไม่ได้คิดคำนวณความรักเชิงเศรษฐศาสตร์ แต่สำหรับผู้หญิงญี่ปุ่นนั้นมีแนวความรัก One night stand มาอยู่ก่อนแล้ว และจะมีพฤติกรรมทางเพศเหมือนเกมตีแบดมินตัน ไม่ดราม่าเรื่องความสัมพันธุ์ที่มีต่อกัน
คำผกาเห็นว่าพ่อแม่เด็กไทยควรจะเริ่มต้นสอนลูกๆกันใหม่ ว่าเพศสัมพันธุ์เป็นพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน การจะมีวัฒนธรรม Hook up หรือ sex friend ได้ จะต้องมีพื้นฐานของการเคารพฉันท์เพื่อน และเท่าเทียมกัน ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้ผู้หญิงสามารถปฎิเสธการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วย และทำให้ผู้หญิงภูมิใจในตัวเอง แต่ถ้าเป็นวัฒนธรรมรักนวลสงวนตัว "ผู้หญิง"กลายเป็นวัตถุที่ถูกเลือก หากผู้หญิงเสียพรหมจรรย์ให้ใครก็ติดยึดโยงกับคนนั้นแม้ว่าผู้ชายจะเลวก็ตาม ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่ ผู้หญิงไทยจะ Hook up culture "เซ็กส์"เลือกได้
รายการคิดเล่นเห็นต่างกับคำผกาประจำวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556
หมดสมัย ของคำว่า "เสียสละเพื่อความรัก" เมื่อ "เสียตัว"แล้วจะต้องรักกัน อยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อชาย-หญิง มีสิทธิเท่าเทียมกัน ทำไมผู้หญิงจะเลือก One night stand ไม่ได้ หรือมี Sex friend ไม่ได้
จากบทความ Sex on Campus: She Can Play That Game, Too ใน The New York time คือผู้หญิงสามารถเล่นเกมนี้ได้ นั่นคือวัฒนธรรมการ Hook up คือนักศึกษา ชาย หญิง ไปดื่มกิน และจบกันที่เตียงนอน ซึ่งมีลักษณะกึ่งๆ One night stand หรือไม่ต้องมาดราม่า ไม่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีการวิจารณ์กันว่า เนื่องจากผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงต้องยอมเสียเปรียบ...แต่จากการสัมภาษณ์นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย พบว่านักศึกษาหญิงยอมที่จะ Hook up มากกว่าที่จะมีแฟนเป็นตัวตน ซึ่งการ Hook up กลายเป็นเกมของผู้หญิงมากกว่าของผู้ชาย
ในบทสัมภาษณ์ของนักศึกษาหญิงยังพบว่า การ Hook up ของนักศึกษาเหล่านี้จะคิดต้นทุนทางเศรษฐกิจด้วยว่า กว่าจะเล่าเรียนจบมาได้ต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเข้ากิจกรรม เข้าคลับ หรือเรียนเกรดดีๆเพื่อจะเข้าทำงานที่ดีๆแล้ว ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้ไม่มีเวลาที่จะมีความสัมพันธ์กันแฟน บางคนถึงบอกว่า การจะหาแฟนสักคนเป็นเรื่องลำบากพอๆกับการลงทะเบียนเรียนให้ได้ 4 หน่วยกิต และอยากโฟกัสเรื่องการทำงานมากกว่า เช่น พอจบมาแล้วอาจไปทำงานที่ฮ่องกง แล้วกลับมาทำงานที่นิวยอร์ค ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะไปลงหลักปักฐานที่ไหน แต่แฟนที่คบกันในมหาวิทยาลัย สุดท้ายแล้วอาจไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วจะมาเสียเวลา เสียการลงทุนไปทำไม และหมดสมัยแล้วที่ต้องสละตัวเองเพื่ออีกฝ่าย และไม่ต้องมากัด"ก้อนเกลือ"กินหรือเป็น"ลมใต้ปีก"ของอีกฝ่าย ความคิดของนักศึกษาหญิงเหล่านี้คือให้แต่ละคนแยกย้ายไปหาความสำเร็จของตนเอง เมื่อชอบใครก็ไป Hook up พอตอนเช้าก็แยกย้ายกันไปเรียน บางคนถึงกับคิดต้นทุนทางเศรษฐกิจว่า ต้องไปห้องผู้ชาย เพราะไม่อยากตื่นเช้ามาซักผ้าปูที่นอนของตนเอง
ความคิดแบบนี้สามารถนำมาใช้สังคมไทยได้หรือไม่ คุณอรรถบอกว่าตอนนี้ในสังคมไทยมีความคิดแบบนี้กันแล้ว แต่คำผกามองว่าที่ผ่านมาผู้หญิงไทยมองความรักเป็นเรื่องโรแมนติกไม่ได้คิดคำนวณความรักเชิงเศรษฐศาสตร์ แต่สำหรับผู้หญิงญี่ปุ่นนั้นมีแนวความรัก One night stand มาอยู่ก่อนแล้ว และจะมีพฤติกรรมทางเพศเหมือนเกมตีแบดมินตัน ไม่ดราม่าเรื่องความสัมพันธุ์ที่มีต่อกัน
คำผกาเห็นว่าพ่อแม่เด็กไทยควรจะเริ่มต้นสอนลูกๆกันใหม่ ว่าเพศสัมพันธุ์เป็นพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน การจะมีวัฒนธรรม Hook up หรือ sex friend ได้ จะต้องมีพื้นฐานของการเคารพฉันท์เพื่อน และเท่าเทียมกัน ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้ผู้หญิงสามารถปฎิเสธการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วย และทำให้ผู้หญิงภูมิใจในตัวเอง แต่ถ้าเป็นวัฒนธรรมรักนวลสงวนตัว "ผู้หญิง"กลายเป็นวัตถุที่ถูกเลือก หากผู้หญิงเสียพรหมจรรย์ให้ใครก็ติดยึดโยงกับคนนั้นแม้ว่าผู้ชายจะเลวก็ตาม ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่ ผู้หญิงไทยจะ Hook up culture "เซ็กส์"เลือกได้